Browse By

Monthly Archives: October 2025

มูรินโญ่ไม่ซีเรียส เบนฟิก้า พ่ายเชลซี

ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ จบลงด้วยความพ่ายแพ้ของ เบนฟิก้า ทีมแกร่งจากโปรตุเกส ที่พ่ายให้กับ เชลซี 0-1 จากประตูชัยของนิโคลัส แจ็กสัน ในนาทีที่ 56 แต่สิ่งที่กลายเป็นประเด็นหลังเกมไม่ได้อยู่ที่ผลการแข่งขัน หากแต่อยู่ที่ท่าทีของ โชเซ่ มูรินโญ่ ตำนานผู้จัดการทีมชาวโปรตุเกส ซึ่งออกมาให้สัมภาษณ์อย่างนิ่งเฉยและเต็มไปด้วยความเข้าใจ โดยยืนยันว่าไม่รู้สึก “ซีเรียส” หรือกังวลกับความพ่ายแพ้ของเบนฟิก้า พร้อมชี้ว่านี่คือบทเรียนสำคัญในเส้นทางฟุตบอลยุโรปที่ยังอีกยาวไกล แม้จะไม่ได้เป็นผู้จัดการทีมของเบนฟิก้าในปัจจุบัน แต่ความสัมพันธ์ระหว่างมูรินโญ่กับสโมสรแห่งนี้ยังคงแน่นแฟ้น เพราะที่นี่คือสโมสรแรกในชีวิตการคุมทีมของเขาเมื่อปี 2000 และถือเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุโรป ดังนั้น ทุกครั้งที่เบนฟิก้าลงเล่นในเวทียุโรป มูรินโญ่มักถูกสื่อในโปรตุเกสถามความคิดเห็นอยู่เสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อเบนฟิก้าแพ้เชลซี ทีมเก่าที่เขาเคยสร้างความยิ่งใหญ่ในอังกฤษ สื่อจึงให้ความสนใจเป็นพิเศษ หลังจบเกม มูรินโญ่ให้สัมภาษณ์กับสื่อในบ้านเกิดอย่าง A Bola ว่า “ผมไม่ได้รู้สึกเสียใจหรือผิดหวังมากนักกับผลการแข่งขันนี้ ฟุตบอลในระดับยุโรปคือเวทีที่ทุกทีมต้องเจอทั้งวันที่ดีและวันที่เลวร้าย เบนฟิก้าเล่นได้ดีในหลายช่วง

 มาเรสก้า ผู้จัดการทีม เชลซี พอใจกับฟอร์มของลูกทีม

ค่ำคืนที่สแตมฟอร์ด บริดจ์กลับมาอบอวลด้วยบรรยากาศของความสุขอีกครั้ง เมื่อ เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ เอนโซ มาเรสก้า กุนซือชาวอิตาเลียนที่กำลังอยู่ในช่วงสร้างทีมใหม่ สามารถเปิดบ้านเอาชนะ เบนฟิก้า ทีมดังจากโปรตุเกสไปได้ด้วยสกอร์ 1-0 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม การเก็บสามคะแนนเต็มพร้อมคลีนชีตในเกมนี้ไม่เพียงเพิ่มโอกาสในการเข้ารอบ แต่ยังเป็นการยืนยันว่าทิศทางการทำทีมของมาเรสก้ากำลังมาถูกทาง ตั้งแต่เสียงนกหวีดเริ่มเกม แฟนบอลในสแตมฟอร์ด บริดจ์ต่างรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของทีม เชลซีในยุคใหม่ไม่ได้เน้นการบุกอย่างไร้ทิศทางเหมือนในบางช่วงของฤดูกาลก่อน แต่พวกเขาเล่นอย่างมีระบบระเบียบ ทุกการเคลื่อนที่มีจุดหมาย ทุกจังหวะผ่านบอลมีความมั่นใจ การมาของมาเรสก้านำความนิ่งและความเข้าใจในเกมกลับมาสู่ทีมอีกครั้ง โดยเฉพาะแนวรับที่วันนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและความเป็นหนึ่งเดียวอย่างชัดเจน เกมนี้เชลซีออกสตาร์ทด้วยความมุ่งมั่นสูง ระบบ 4-3-3 ที่มาเรสก้าใช้ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของแท็กติก เขาวางคอเนอร์ กัลลาเกอร์ คุมแดนกลางร่วมกับมอยเซส ไกเซโด้ และเอ็นโซ เฟร์นานเดซ ซึ่งมีหน้าที่เชื่อมเกมระหว่างแนวรับกับแนวรุกได้อย่างกลมกลืน ขณะที่แนวรุกใช้ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, โคล พัลเมอร์ และนิโคลัส แจ็กสัน เป็นสามประสานที่คอยกดดันแนวรับของเบนฟิก้าอย่างต่อเนื่อง

ลิเวอร์พูล แพ้ กาลาตาซาราย 0-1 

ค่ำคืนแห่งความผิดหวังในอิสตันบูลยังคงเป็นบทสนทนาหลักของแฟนบอลลิเวอร์พูลทั่วโลก เมื่อทีมรักต้องพบกับความพ่ายแพ้ต่อ กาลาตาซาราย ด้วยสกอร์ 0-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เกมที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและจังหวะเฉียดไปเฉียดมาซึ่งสามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ได้ทุกเมื่อ แต่สุดท้ายทีมจากตุรกีเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ต่อหน้าแฟนบอลของพวกเขา ขณะที่ฝั่ง “หงส์แดง” ต้องเดินออกจากสนามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง โดยมี เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กัปตันทีมคนปัจจุบัน ออกมาให้สัมภาษณ์อย่างตรงไปตรงมาและเต็มไปด้วยความรับผิดชอบ เสียงนกหวีดหมดเวลาดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันเร่าร้อนในสนามรามซาน ปาร์ค สเตเดี้ยม แฟนบอลเจ้าถิ่นส่งเสียงเฮลั่น ขณะที่นักเตะลิเวอร์พูลหลายคนก้มหน้าเดินออกจากสนามด้วยความเหนื่อยล้า เกมนี้พวกเขาครองบอลได้มากกว่า สร้างโอกาสยิงได้หลายครั้ง แต่กลับไม่สามารถเปลี่ยนโอกาสเหล่านั้นให้เป็นประตูได้เลย และสุดท้ายต้องถูกลงโทษจากจังหวะเดียวที่พลาดในแนวรับเมื่อ เมาโร อิคาร์ดี้ ยิงประตูชัยให้เจ้าถิ่นในครึ่งหลัง หลังจบเกม เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ซึ่งทำหน้าที่กัปตันทีมอย่างเต็มความสามารถตลอด 90 นาที ได้เดินเข้ามาให้สัมภาษณ์กับสื่อ โดยสีหน้าของเขายังแสดงให้เห็นถึงความผิดหวัง แต่คำพูดที่เปล่งออกมานั้นเต็มไปด้วยสติและความเป็นผู้นำ “มันเป็นเกมที่ยากมาก เรารู้ดีว่าที่นี่ไม่ใช่สนามที่ทีมเยือนจะมาเก็บชัยชนะได้ง่าย ๆ”

อาลีสซง พลาดเฝ้าเสาในเกมเยือนเชลซี

ค่ำคืนแห่งความตึงเครียดในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของลิเวอร์พูลทิ้งร่องรอยให้กับทีมมากกว่าความผิดหวังในผลการแข่งขัน เมื่อ อาลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งชาวบราซิลได้รับบาดเจ็บและจะพลาดลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีกนัดสำคัญที่จะต้องบุกเยือน เชลซี ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ในสุดสัปดาห์นี้ ข่าวนี้กลายเป็นประเด็นใหญ่ในแวดวงฟุตบอลอังกฤษทันที เพราะอาลีสซงคือหนึ่งในผู้เล่นที่มีอิทธิพลต่อระบบเกมของลิเวอร์พูลมากที่สุดในยุคของเจอร์เกน คล็อปป์ และการขาดเขาไปอาจหมายถึงการเปลี่ยนสมดุลของทีมโดยสิ้นเชิง จังหวะที่ทำให้แฟนบอลทั่วโลกต้องใจหายเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดล่าสุด เมื่ออาลีสซงพยายามพุ่งปัดบอลในจังหวะยิงของกองหน้าทีมคู่แข่งแต่เสียหลักลงพื้นอย่างแรง เขาพยายามลุกขึ้นมาเล่นต่อแต่แสดงสีหน้าที่เจ็บชัดเจน ก่อนที่ทีมแพทย์จะส่งสัญญาณให้เปลี่ยนตัวทันที เหตุการณ์นั้นทำให้ทั้งผู้เล่นและแฟนบอลในสนามเงียบกริบ เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับผู้รักษาประตูที่มีความแข็งแกร่งและสมบูรณ์ที่สุดในทีมอย่างเขา หลังจบเกม คล็อปป์ยืนยันว่าอาลีสซงมีอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อขา และต้องเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดจากทีมแพทย์ของสโมสร แม้ยังไม่ระบุระยะเวลาพักฟื้นที่แน่นอน แต่เบื้องต้นมีการคาดการณ์ว่าเขาอาจต้องพักอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาจะพลาดเกมสำคัญกับเชลซีแน่นอน รวมถึงอาจไม่ได้ลงเฝ้าเสาในบางเกมของลีกและบอลถ้วยในช่วงต่อไปด้วย อาลีสซงถือเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่มีอิทธิพลมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ย้ายจากโรม่าเข้าร่วมทีมลิเวอร์พูลในปี 2018 เขากลายเป็นหัวใจสำคัญของเกมรับ และเป็นหนึ่งในรากฐานที่ทำให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ

เอ็นรีเก้ เดินทางมาถึงบาร์เซโลน่าพร้อมรอยยิ้ม

เอ็นรีเก้ เดินทางมาถึงบาร์เซโลน่าพร้อมรอยยิ้มที่หลายคนคุ้นเคย สีหน้าที่ดูผ่อนคลายของเขาในงานแถลงข่าวก่อนเกมสะท้อนให้เห็นถึงความสุขที่ได้กลับมายังเมืองที่เขาเคยใช้เวลาหลายปีทั้งในฐานะนักเตะและผู้จัดการทีม “ผมรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน” เขากล่าวด้วยเสียงอบอุ่น “บาร์เซโลน่าคือสถานที่พิเศษสำหรับผม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในเกมนี้ ผมยังคงมีความทรงจำที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับที่นี่เสมอ” คำพูดนั้นทำให้สื่อมวลชนและแฟนบอลที่ยังรักเขาอดไม่ได้ที่จะปรบมือให้ ค่ำคืนแห่ง ฟุตบอลยุโรป กำลังจะกลับมาระอุอีกครั้ง เมื่อการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลับมาสร้างสีสันในรอบสำคัญ และทุกสายตากำลังจับจ้องไปยังเกมที่สนาม เอสตาดิโอ หลุยส์ คัมป์นู ซึ่งจะเป็นเวทีการเผชิญหน้าที่เต็มไปด้วยอารมณ์ระหว่าง บาร์เซโลน่า กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง โดยเฉพาะสำหรับชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า หลุยส์ เอ็นรีเก้ ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งเคยนำบาร์ซ่าครองความยิ่งใหญ่ในยุโรป และในวันนี้กลับมายืนบนเส้นข้างสนามในฐานะกุนซือของคู่แข่ง ความรู้สึกที่ปะปนระหว่างความทรงจำ ความผูกพัน และภารกิจแห่งอาชีพทำให้การกลับมาครั้งนี้มีความหมายมากกว่าการแข่งขันเพียงเกมเดียว ย้อนกลับไปในปี 2014 ถึง 2017 หลุยส์ เอ็นรีเก้ คือผู้นำของยุคทองยุคใหม่ของบาร์เซโลน่า เขาสานต่อความสำเร็จของทีมหลังยุคเป๊ป กวาร์ดิโอลา ด้วยการนำบาร์ซ่าคว้า ทริปเปิลแชมป์

โบโด กลิมต์ 2 – สเปอร์ส 2

ค่ำคืนแห่งฟุตบอลยุโรปในเมืองบอดอ ประเทศนอร์เวย์ กลายเป็นอีกหนึ่งเกมสุดมันที่แฟนบอลจะพูดถึงไปอีกนาน เมื่อทีมเจ้าบ้านอย่าง โบโด กลิมต์ สามารถต่อกรกับทีมยักษ์จากพรีเมียร์ลีกอังกฤษอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ได้อย่างสูสี ก่อนจบลงด้วยผลเสมอสุดระทึก 2-2 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความดุดัน และคุณภาพของเกมฟุตบอลระดับสูง เกมนี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงหัวจิตหัวใจของทีมเล็กที่ไม่ยอมแพ้ แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงเสน่ห์ของฟุตบอลยุโรปที่ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ เสียงนกหวีดเริ่มเกมดังขึ้นท่ามกลางอุณหภูมิหนาวเหน็บในสนามอัสป์มีรา สเตเดี้ยม ที่แฟนบอลเจ้าบ้านกว่า 14,000 คนแน่นขนัดพร้อมเสียงเชียร์กึกก้อง โบโด กลิมต์ที่ขึ้นชื่อเรื่องการเล่นเกมรุกอย่างมีระบบและรวดเร็วไม่แสดงอาการเกรงกลัวต่อชื่อชั้นของผู้มาเยือน พวกเขาเริ่มเกมด้วยจังหวะบีบสูง กดดันแนวรับของสเปอร์สตั้งแต่นาทีแรก ขณะที่ทีมของอังเก้ ปอสเตโคกลู ยังต้องใช้เวลาปรับตัวกับพื้นสนามหญ้าเทียมที่ถือเป็นจุดแข็งของทีมเจ้าบ้าน สเปอร์สเริ่มต้นเกมด้วยความมั่นใจในระบบ 4-3-3 ที่คุ้นเคย โดยให้เจมส์ แมดดิสัน ยืนคุมจังหวะในแดนกลาง ร่วมกับอีฟส์ บิสซูม่า และโรดรีโก้ เบนตันกูร์ ส่วนแนวรุกจัดเต็มด้วยซน ฮึง