อาลีสซง พลาดเฝ้าเสาในเกมเยือนเชลซี

Browse By

ค่ำคืนแห่งความตึงเครียดในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ของลิเวอร์พูลทิ้งร่องรอยให้กับทีมมากกว่าความผิดหวังในผลการแข่งขัน เมื่อ อาลีสซง เบ็คเกอร์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งชาวบราซิลได้รับบาดเจ็บและจะพลาดลงสนามในเกมพรีเมียร์ลีกนัดสำคัญที่จะต้องบุกเยือน เชลซี ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ในสุดสัปดาห์นี้ ข่าวนี้กลายเป็นประเด็นใหญ่ในแวดวงฟุตบอลอังกฤษทันที เพราะอาลีสซงคือหนึ่งในผู้เล่นที่มีอิทธิพลต่อระบบเกมของลิเวอร์พูลมากที่สุดในยุคของเจอร์เกน คล็อปป์ และการขาดเขาไปอาจหมายถึงการเปลี่ยนสมดุลของทีมโดยสิ้นเชิง

จังหวะที่ทำให้แฟนบอลทั่วโลกต้องใจหายเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดล่าสุด เมื่ออาลีสซงพยายามพุ่งปัดบอลในจังหวะยิงของกองหน้าทีมคู่แข่งแต่เสียหลักลงพื้นอย่างแรง เขาพยายามลุกขึ้นมาเล่นต่อแต่แสดงสีหน้าที่เจ็บชัดเจน ก่อนที่ทีมแพทย์จะส่งสัญญาณให้เปลี่ยนตัวทันที เหตุการณ์นั้นทำให้ทั้งผู้เล่นและแฟนบอลในสนามเงียบกริบ เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับผู้รักษาประตูที่มีความแข็งแกร่งและสมบูรณ์ที่สุดในทีมอย่างเขา

หลังจบเกม คล็อปป์ยืนยันว่าอาลีสซงมีอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อขา และต้องเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดจากทีมแพทย์ของสโมสร แม้ยังไม่ระบุระยะเวลาพักฟื้นที่แน่นอน แต่เบื้องต้นมีการคาดการณ์ว่าเขาอาจต้องพักอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาจะพลาดเกมสำคัญกับเชลซีแน่นอน รวมถึงอาจไม่ได้ลงเฝ้าเสาในบางเกมของลีกและบอลถ้วยในช่วงต่อไปด้วย

อาลีสซงถือเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่มีอิทธิพลมากที่สุดในพรีเมียร์ลีกตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ย้ายจากโรม่าเข้าร่วมทีมลิเวอร์พูลในปี 2018 เขากลายเป็นหัวใจสำคัญของเกมรับ และเป็นหนึ่งในรากฐานที่ทำให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ได้อย่างยิ่งใหญ่ เขามีจุดเด่นทั้งในด้านการเซฟที่เฉียบขาด การอ่านจังหวะเกม และความสามารถในการออกบอลที่แม่นยำจนช่วยสร้างการบุกจากแนวหลัง

สื่ออังกฤษหลายสำนักรายงานตรงกันว่าการขาดอาลีสซงในเกมเยือนเชลซีจะเป็นบททดสอบสำคัญของลิเวอร์พูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขากำลังอยู่ในช่วงที่ต้องการความมั่นใจ หลังผ่านเกมยุโรปที่หนักหน่วงและต้องกลับมาเจอกับทีมใหญ่ในลีกทันที การเยือนเชลซีไม่เคยเป็นงานง่ายสำหรับลิเวอร์พูล โดยเฉพาะในช่วงที่ทีมของเมาริซิโอ โปเช็ตติโน่เริ่มกลับมามีฟอร์มที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และกำลังได้เปรียบจากการเล่นในบ้านต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง

คล็อปป์ต้องเผชิญคำถามใหญ่เกี่ยวกับการเลือกผู้รักษาประตูที่จะลงเล่นแทน ซึ่งตัวเลือกหลักคือ ควีวีน เคลเลเฮอร์ นายทวารชาวไอริชวัย 25 ปี ที่ทำผลงานได้ดีทุกครั้งที่ได้รับโอกาสในบอลถ้วย เคลเลเฮอร์เป็นนักเตะที่สโมสรปั้นขึ้นมาเองและได้รับการยกย่องว่ามีสไตล์การเล่นใกล้เคียงกับอาลีสซง ทั้งในแง่ของการควบคุมบอลด้วยเท้าและการตัดสินใจที่มั่นใจ แต่การลงสนามในเกมลีกนัดสำคัญเช่นนี้ย่อมไม่เหมือนกับการเล่นในคาราบาว คัพหรือเอฟเอ คัพ ความกดดันและระดับของคู่แข่งย่อมสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ผู้เชี่ยวชาญฟุตบอลจาก สมัคร ufabet ล่าสุด โปรโมชั่นจัดเต็ม วิเคราะห์ว่า การขาดอาลีสซงจะส่งผลโดยตรงต่อจังหวะการเล่นของลิเวอร์พูลในทุกมิติ เพราะระบบของคล็อปป์เริ่มต้นจากแนวรับ โดยเฉพาะการออกบอลจากผู้รักษาประตูที่ต้องแม่นยำและรวดเร็วเพื่อเปลี่ยนจังหวะเป็นเกมรุก การไม่มีอาลีสซงอาจทำให้แนวรับต้องระมัดระวังมากขึ้น และลดความเสี่ยงในการส่งบอลสั้นไปข้างหน้า ซึ่งอาจทำให้เกมรุกของทีมช้าลงโดยอัตโนมัติ

ไม่เพียงเท่านั้น ความมั่นใจของแนวรับโดยรวมอาจได้รับผลกระทบ เพราะอาลีสซงไม่ใช่แค่ผู้รักษาประตูธรรมดา แต่ยังเป็นผู้นำในสนามที่คอยสั่งการให้แนวรับจัดตำแหน่งและควบคุมจังหวะได้ถูกต้อง โดยเฉพาะกับคู่เซ็นเตอร์อย่างเวอร์จิล ฟาน ไดค์ และอิบราฮิมา โกนาเต้ ที่คุ้นเคยกับเสียงสั่งการของเขามาโดยตลอด การขาดเสียงนั้นในสนามอาจทำให้แนวรับของลิเวอร์พูลต้องใช้เวลาในการปรับจังหวะและความเข้าใจระหว่างกัน

คล็อปป์เองรู้ดีว่าการเจอกับเชลซีโดยไม่มีอาลีสซงคือสถานการณ์ที่ท้าทาย แต่เขาก็เลือกที่จะมองในแง่บวก “เราต้องเชื่อใจในนักเตะที่เหลือ” เขากล่าวในงานแถลงข่าวหลังซ้อมวันพฤหัสบดี “เคลเลเฮอร์ซ้อมได้ดีมาก เขามีความมุ่งมั่นและรอคอยโอกาสนี้มานาน ผมเชื่อว่าเขาจะทำหน้าที่แทนได้อย่างยอดเยี่ยม” คำพูดนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในระบบทีมมากกว่าการพึ่งพานักเตะเพียงคนเดียว

สำหรับเคลเลเฮอร์เอง การได้รับโอกาสในเกมใหญ่เช่นนี้ถือเป็นจังหวะสำคัญในอาชีพ เขาเคยพิสูจน์ตัวเองมาแล้วในเกมชิงชนะเลิศคาราบาว คัพ ปี 2022 ที่เซฟจุดโทษช่วยให้ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์เหนือเชลซีมาได้ แต่การกลับมาเจอกันในลีกครั้งนี้เป็นเรื่องที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เพราะเชลซีภายใต้โปเช็ตติโน่เริ่มกลับมามีระบบเกมรุกที่หลากหลายและรวดเร็ว โดยมีราฮีม สเตอร์ลิ่ง, โคล พัลเมอร์ และนิโคลัส แจ็กสัน เป็นสามประสานที่พร้อมเจาะแนวรับของทีมเยือนตลอดเวลา

บรรยากาศในแคมป์ลิเวอร์พูลช่วงนี้เต็มไปด้วยความระมัดระวัง ทีมแพทย์กำลังเร่งฟื้นฟูอาการของอาลีสซงอย่างใกล้ชิด เพราะหลังจากเกมกับเชลซี ทีมยังมีโปรแกรมหนักกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และเกมยุโรปอีกหลายแมตช์ต่อเนื่อง การไม่มีผู้รักษาประตูมือหนึ่งในช่วงนี้จึงเป็นความเสียหายที่คล็อปป์ไม่อยากให้ยืดเยื้อ

ในเชิงสถิติ ลิเวอร์พูลมักทำผลงานได้ดีเมื่อมีอาลีสซงเฝ้าเสา โดยมีอัตราคลีนชีตสูงกว่า 40% ในเกมพรีเมียร์ลีกตลอด 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา และมีค่าเฉลี่ยการเสียประตูเพียง 0.9 ลูกต่อเกม ซึ่งถือว่าโดดเด่นที่สุดในลีก แต่เมื่อเขาไม่อยู่ ทีมมักเสียประตูเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผลงานของลิเวอร์พูลผูกพันกับฟอร์มของอาลีสซงมากเพียงใด

อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องจับตาคือความมั่นใจของแนวรับหน้าใหม่ เช่น จาร์เรล กวานซา และโจ โกเมซ ที่อาจได้รับโอกาสลงสนาม การขาดผู้นำในแนวหลังอาจทำให้พวกเขาต้องรับผิดชอบมากขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นโอกาสในการพิสูจน์ตัวเองเช่นกัน คล็อปป์มักพูดเสมอว่าฟุตบอลคือเรื่องของทีมมากกว่าคนใดคนหนึ่ง และนี่คือเวลาที่ทีมของเขาต้องแสดงให้เห็นถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างแท้จริง

ผู้วิเคราะห์ของ ufabet เล่นผ่านมือถือ รองรับ iOS และ Android ยังชี้ว่าการบาดเจ็บของอาลีสซงอาจส่งผลต่อกลยุทธ์การเล่นของลิเวอร์พูลในเกมเยือนเชลซี เพราะทีมอาจต้องลดการดันไลน์สูงเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนสวนกลับ เนื่องจากความเร็วในการออกจากเสาของเคลเลเฮอร์อาจยังไม่เทียบเท่าอาลีสซง ระบบเกมรับอาจถูกปรับให้รัดกุมขึ้น และเน้นการป้องกันจากแดนกลางมากกว่าเดิม โดยให้มัก อัลลิสเตอร์ หรือวาตารุ เอ็นโดะ ช่วยซ้อนแนวหลังเพื่อลดช่องว่าง

ในแง่มุมของแฟนบอล การเห็นทีมลงสนามโดยไม่มีอาลีสซงย่อมเป็นภาพที่ไม่คุ้นเคย เพราะตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เขาคือเสาหลักที่แฟนบอลเชื่อมั่นเสมอว่า “ถ้าอาลีสซงอยู่ ลิเวอร์พูลไม่ต้องกลัวใคร” การขาดเขาไปทำให้แฟนบอลต้องลุ้นมากขึ้นในทุกจังหวะของเกม และต้องเชื่อมั่นว่าทีมจะสามารถรับมือกับแรงกดดันจากเกมเยือนที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในอีกมุมหนึ่ง นี่อาจเป็นโอกาสทองสำหรับเคลเลเฮอร์ในการแสดงศักยภาพและพิสูจน์ว่าตัวเองพร้อมจะเป็นตัวจริงในอนาคต เขาได้รับการยกย่องจากคล็อปป์ว่าเป็น “ผู้รักษาประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุดอันดับหนึ่งในบรรดามือสองของยุโรป” และการได้ลงเล่นในเกมสำคัญอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวสู่การเป็นมือหนึ่งในอนาคต ไม่ว่าจะกับลิเวอร์พูลหรือทีมอื่นก็ตาม

เกมกับเชลซีในวันอาทิตย์นี้จึงไม่ได้เป็นเพียงศึกระหว่างสองทีมใหญ่แห่งพรีเมียร์ลีกเท่านั้น แต่ยังเป็นบททดสอบของระบบทีมลิเวอร์พูลที่ต้องพิสูจน์ว่าพวกเขายังสามารถต่อสู้ได้แม้จะขาดหนึ่งในกำลังหลักสำคัญที่สุด การรับมือกับแนวรุกของเชลซีที่มีความเร็วสูงต้องอาศัยความรัดกุม และการประสานงานที่ดีระหว่างผู้รักษาประตูและแนวรับ หากทีมสามารถยืนหยัดได้โดยไม่เสียประตู มันจะเป็นสัญญาณบวกสำหรับความแข็งแกร่งของทีมในระยะยาว

อาลีสซงเองโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียหลังทราบข่าวว่าเขาจะพลาดเกมสำคัญ โดยเขากล่าวว่า “ผมผิดหวังที่ไม่สามารถช่วยทีมในสนามได้ แต่ผมจะทำทุกทางเพื่อฟื้นตัวให้เร็วที่สุด ขอบคุณทุกกำลังใจจากแฟนบอล ผมจะกลับมาแข็งแรงกว่าเดิม” คำพูดนี้ยิ่งตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นและความเป็นมืออาชีพของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้แฟนบอลทั่วโลกเคารพในตัวผู้ชายคนนี้

แม้การขาด อาลีสซง จะเป็นข่าวร้ายสำหรับลิเวอร์พูล แต่ในอีกด้านหนึ่ง มันอาจกลายเป็นแรงกระตุ้นให้ทีมรวมพลังกันมากขึ้น ฟุตบอลคือเกมที่ไม่สามารถพึ่งพาใครคนเดียวได้ และนี่คือช่วงเวลาที่ทีมของคล็อปป์ต้องแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็น “ทีม” อย่างแท้จริง การเยือนเชลซีครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนของฤดูกาล หากทีมสามารถเก็บแต้มกลับออกมาได้ มันจะกลายเป็นสัญญาณแห่งความแข็งแกร่งทางจิตใจที่ลิเวอร์พูลภาคภูมิใจ